วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ดาวเรืองบานสะพรั่งทั่วเมืองไทย



     ดาวเรือง เป็นดอกไม้ที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี นิยมปลูกทุกพื้นที่ทั่วๆ ไป เนื่องจากมีรูปทรงและสีสันสวยงาม มีความคงทน ดอกบานสามารถอยู่ได้หลายวัน นิยมนำมาร้อยเป็นพวงมาลัย บูชาพระหรือจัดใส่กระถางเพื่อประดับตามงานต่างๆ เพิ่มความสวยงาม มีชื่อภาษาท้องถิ่นทางภาคเหนือว่า “ดอกคำปู้จู้” ซึ่งหมายถึงดอกไม้ที่มีกลีบสีเหลืองคล้ายทองคำ


ดอกดาวเรือง ภาษาอังกฤษ Marigold


หากกล่าวถึง “บุปผาราชินี” ก็จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทคือ

          1. ชื่อพรรณไม้ที่ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้พระนามาภิไธยเป็นชื่อพรรณไม้ ซึ่งได้แก่ “ต้นโมกราชินี” อยู่ในสกุลโมกมัน ลักษณะเป็นช่อดอกสีขาวหรือขาวปนเขียวอ่อน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ถูกค้นพบโดย ศาตราจารย์ ดร.ธวัชชัย สันติสุข บริเวณภูเขาหินปูน จ.สระบุรี และกรมป่าไม้ ได้ขอพระราชทานพระราชานุญาต ใช้ชื่อพรรณไม้นี้ตามพระนามาภิไธยของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เมื่อปี พ.ศ.2544 และ “ต้นมหาพรหมราชินี” ที่ถูกค้นพบโดย ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น ลักษณะเป็นดอกเดี่ยวส่งกลิ่นหอม กลีบชั้นนอกสีขาว กลีบชั้นในสีม่วงแดง มีถิ่นกำเนิดอยู่บริเวณยอดเขาสูง ในเขต อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้พระนามาภิไธย เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 12 สิงหาคม 2547
          2. ประเภทที่สองคือ ชื่อพันธุ์ดอกไม้ที่มีชื่อตามพระนามสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้แก่ “ดอกกล้วยไม้แคทลียา ควีนสิริกิติ์” เป็นกล้วยไม้ที่อยู่ในสกุลแคทลียาสีขาว กลางดอกสีเหลือง ถูกผสมขึ้นโดยบริษัทกล้วยไม้ของประเทศอังกฤษ และได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจากราชสมาคมไม้ประดับแห่งอังกฤษ นอกจากนี้แล้ว สมเด็จพระนางเจ้าฯ ยังได้พระราชทาน แคทลียาควีนสิริกิติ์ เป็นดอกไม้ประจำวันสตรีไทยอีกด้วย
          3. ส่วนประเภทที่ 3 คือ ดอกไม้ที่ได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีทั้งหมด 6 ชนิด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์ไม้ที่เกิดขึ้นในทุ่งหญ้า หรือป่าเขาตามธรรมชาติ บางชนิดเป็นพันธุ์ไม้ประจำท้องถิ่นที่หายาก เมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นคราวที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร โดยนามของดอกไม้ที่ทรงพระราชทานนั้น จะสะท้อนความหมายถึงความสวยงาม และลักษณะที่โดดเด่นของดอกไม้แต่ละชนิด ดังนี้“ดุสิตา” (หญ้าข้าวก่ำน้อย) ไม้ล้มลุกกินแมลง ดอกสีม่วงเข้มออกเป็นช่อ “มณีเทวา” (กระดุมเงิน) ไม้ล้มลุกเป็นกอขนาดเล็กคล้ายหญ้า ดอกสีขาวออกเป็นช่อ “สร้อยสุวรรณา” (ดอกหญ้าสีทอง)ไม้ล้มลุกกินแมลง ดอกสีเหลืองออกเป็นช่อ “ทิพเกสร” (หญ้าฝอยเล็ก) ไม้ล้มลุกกินแมลง ดอกสีม่วงอ่อนแกมชมพู “สรัสจันทร” (หญ้าหนวดเสือ) ไม้ล้มลุกขนาดเล็ก ดอกสีชมพูจนถึงม่วงอ่อนอมฟ้า ส่วนปลายมีสีเหลืองหรือสีครีม ทั้ง 5 ชนิดนี้ ทรงทอดพระเนตรเห็นบริเวณใกล้ๆ กับพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ และพระราชทานชื่อไว้เมื่อครั้งโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเยี่ยมราษฎรในภาคอีสานส่วน “นิมมานรดี” เป็นกล้วยไม้อิงอาศัย ออกดอกเป็นช่อ ก้านดอกมีขนนุ่มสีขาว กลีบเลี้ยงและกลีบดอกสีขาว มีขีดตามยาว สีแดงเข้ม กลีบปากที่ปลายมีพื้นสีเหลืองเข้มและมีแต้มสีแดงเข้มที่โคนกลีบ ทรงพระราชทานชื่อไว้เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรพรรณไม้ที่บริเวณโคกนกกะบา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จ.เลย



ที่มา http://www.manager.co.th/